เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า
ทำไมเมื่อถึงเวลาประมาณ 5 ทุ่มบางคนก็จะเริ่มง่วงนอน แล้วประมาณ 6-7 โมงเช้า แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก เราก็จะเริ่มรู้สึกตัวตื่น ประมาณ 8 โมงเช้าบางคนก็เริ่มหิว ถ้าไม่มีอะไรลงสู่ท้องก็จะเริ่มแสบๆท้องหน่อยๆ แล้วก็มาหิวอีกทีประมาณเที่ยงๆ หลังจากนั้น ก็จะมีความง่วงนิดๆในตอนบ่าย ถ้าโชคดีมีเวลาว่างได้งีบซักครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงก็จะดีมากเลย แล้วก็มาหิวอีกทีช่วงเย็นๆ หลังจากนั้นก็ไปง่วงนอนในเวลาเดิมๆอีก เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนมีใครมาตั้งโปรแกรมไว้
ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะมีโปรแกรมนี้แตกต่างกันออกไป เช่น บางคนกว่าจะรู้สึกง่วงก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน ตีหนึ่ง แล้วก็จะตื่นสายๆหน่อย เช่น 8 หรือ 9 โมงเช้า เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะต่างกันอย่างไร ทุกคนจะมีโปรแกรมธรรมชาติสำหรับตัวเองในเรื่องที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต เช่น การหลับ การตื่น การหิว
เจ้าโปรแกรมธรรมชาติในตัวคนเรานี่แหละ เราเรียกมันว่า Circadian Rhythm หรือ Biological Clock หรือ นาฬิกาชีวภาพ นาฬิกาธรรมชาติ จะเรียกอย่างไรก็สุดแต่ใครจะถนัด แต่ความสำคัญขอเจ้าสิ่งนี้ต่างหากที่เป็นสิ่งที่เราควรจะให้ความสนใจกันมากๆ
อย่างแรกเลย มันมีงานวิจัยมากมายเลยที่ระบุว่า หากเราสามารถใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับนาฬิกาธรรมชาติของเรา และทำเป็นประจำซ้ำๆสม่ำเสมอ ไม่พยายามไปฝืนมัน เช่น เวลาที่ควรนอนก็ต้องนอน เป็นเวลาซ้ำๆ เดิมๆทุกวัน เวลาที่ต้องกินอาหารก็กินเป็นเวลาเสมอ เรียกว่ามีวินัยในการใช้ชีวิตมาก การทำอย่างนี้ จะมีผลดีหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการชะลอความเสื่อมตามวัยได้ หรือ Anti Aging นั่นเอง , สามารถป้องกันการเกิดโรคได้หลายโรค โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับสมองหรือสุขภาพจิต
พบว่าคนกลุ่มที่ใช้ชีวิตเป็นตารางเวลาอย่างเคร่งครัด จะมีการทำงานของสมองที่ดี สมาธิ ความจำดี การคิดสร้างสรรค์ หรือประมวลผลของสมองก็จะดีกว่าคนที่ทำไม่ได้ และจะมีสุขภาพจิตที่ดี ไม่ค่อยเครียด และห่างไกลจากการเป็นโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า เป็นต้น
นอกจากนี้พบว่า คนที่ใช้ชีวิตตามกลไกธรรมชาติ มักจะมีความสมดุลในเรื่องต่างๆในชีวิตที่ดีกว่าคนที่ทำไม่ได้ เช่น จะมีความหิว ความอิ่ม ที่เหมาะสม ทำให้คนกลุ่มนี้มีน้ำหนักตัวที่พอดีๆ ไม่ผอม ไม่อ้วนจนเกินไป ดังนั้นใครอยากหุ่นดี ก็ต้องรู้จักใช้ชีวิตตามนาฬิกาธรรมชาติให้ได้นะ อีกเรื่องนึงที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ก็คือเรื่อง Sex คนที่รักษากลไกนาฬิกาชีวภาพของตนเองได้ดี นอกจากจะน่าใส หุ่นดี สมองดีแล้ว เรื่องของอารมณ์ทางเพศ และสมรรถภาพทางเพศ ก็จะดีปึ๋งปั๋ง ดึ๋งดั๋ง เตะปี๊บดังไปจนแก่เลยทีเดียว
ประเด็นต่อมา นอกจากจะรู้ว่าข้อดีของมันเป็นอย่างไรแล้ว ก็ต้องรู้ด้วยว่า คนจำนวนมากในโลกนี้ โชคร้ายที่ไม่สามารถรักษาการใช้ชีวิตให้เป็นไปตามจังหวะที่เหมาะสมได้ บางคนต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้า ทั้งที่นาฬิกาภายในตัวยังไม่ตื่น ก็ต้องตั้งนาฬิกานอกตัวมาปลุกให้ตื่นมาก่อนเพื่อจะรีบไปทำงาน ถึงเวลาหิว ควรจะได้กิน แต่ถ้างานยังไม่เสร็จก็ไม่ได้กินตามเวลาอีก เวลาจะนอนก็เหมือนกัน กว่าจะเลิกงานกว่าจะฝ่ารถติดกลับถึงบ้านก็สามทุ่มละ สี่ห้าทุ่มร่างกายเริ่มง่วง แต่เดี๋ยวก่อนฉันยังไม่รู้สึกว่าได้พักเลย ขอคุยโทรศัพท์กับแฟน ดูซีรีย์ซักนิดนึงดีกว่า ทีนี้พอล่วงเลยเวลาที่นาฬิกาภายในตัวมันสั่งให้นอน ร่างกายก็มักจะไม่ง่วงแล้ว ก็นั่งดูซีรีย์ ไถเฟซบุ๊ค กันต่อไปยาวไป รู้ตัวอีกทีหันไปดูนาฬิกาภายนอกตัว ปาเข้าไปตีหนึ่งตีสองแล้ว จำเป็นต้องเข้านอน ไม่งั้นพรุ่งนี้ตื่นไปทำงานตีห้าไม่ไหวแน่ แต่พอจะนอนมันก็จะหลับยากหน่อยเพราะมันผิดล็อกที่ร่างกายมันโปรแกรมไว้ บางทีเป็นชั่วโมง กว่าจะปิดสวิตซ์หลับลงได้ แล้วตีห้าก็ต้องตื่นไปสู้ชีวิตต่อ
ถ้าเป็นมือถือบางทีชาร์จไฟยังไม่ทันเต็มเลย แล้วถ้าเป็นพลังงานชีวิต ชาร์จไฟแค่นี้ จะไปใช้ชีวิตไหวได้อย่างไร นี่เป็นสาเหตุสำคัญให้คนในสังคมเมืองอย่างเราๆ หลายคนที่ต้องใช้ชีวิตผิดจังหวะ ฝืนนาฬิกาที่ธรรมชาติกำหนดให้มาอยู่เสมอๆ ซึ่งก็เป็นบ่อเกิดของโรคยอดนิยม ที่ถึงเราจะไม่นิยมแต่ก็มักจะหลีกเลี่ยงไม่พ้น ได้แก่
โรคอ้วน เมื่อกลไกที่ควบคุมความหิวความอิ่มมันทำงานผิดเพี้ยนไป ก็จะทำให้คนคนนั้นกินไม่รู้จักอิ่ม กินมากก็อ้วนมาก ตอนนี้คนไทยกำลังเจริญรอยตามประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศ ที่สัดส่วนคนอ้วนมากขึ้นทุกวัน ตอนนี้หนึ่งในสามของคนไทยก็มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็สัมพันธ์โดยตรงกับ Life Style ที่เร่งรีบ และไม่มีระบบที่แน่นอนนั่นเอง
เมื่อคุณโรคอ้วนมาเคาะประตูบ้าน มันก็มักจะพาเพื่อนๆขาประจำของมันอีกสองสามคนมาเยี่ยมเราด้วย ได้แก่ คุณเบาหวาน คุณความดันโลหิตสูง และคุณไขมันในเลือดสูง สี่คนนี้เรียกว่าไปไหนไปด้วยกันตลอด และพอสี่คนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านใครซักพักจนเริ่มสนิทสนมกันแล้ว ก็จะชวนอีกสองคนมาอยู่ด้วย คือ คุณโรคหัวใจ(หลอดเลือดหัวใจขาดเลือด) และคุณอัมพฤกษ์ (หลอดเลือดสมองขาดเลือด) ซึ่งเราเรียกชื่อกลุ่มเพื่อนซี้แก็งค์นี้ว่า โรค NCDs ซึ่งเป็นปัญหาที่ใกล้ตัวของเราเข้ามาเรื่อยๆ
นอกจากร่างกายแล้ว สมองและจิตใจเองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย คนที่ใช้ชีวิตผิดจังหวะอยู่เสมอๆ จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมของสมอง เช่น อัลไซม์เมอร์ เกิดขึ้นเร็วกว่าคนที่ใช้ชีวิตเป็นระบบ ถ้าคนทั่วๆไปเค้าเป็นกันตอนอายุประมาณ 80 คนพวกนี้บางที 60 ปลายๆหรือ 70 ก็เริ่มเสื่อมแล้ว ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสงสารมากเพราะคุณก็จะไม่สามารถรับรู้หรือทรงจำเรื่องราวต่างๆในชีวิต หรือคนที่คุณรักได้อีกต่อไป บางคนไม่ต้องรอจนแก่แล้วสมองเสื่อม บางคนตั้งแต่อายุยังไม่มาก ก็อาจจะเริ่มสังเกตได้ว่าสมองของตนเอง ไม่ว่องไวเหมือนที่เคยเป็น ไม่มีสมาธิในการทำงาน ทำงานผิดพลาดบ่อยๆ ลืมโน่นลืมนี่ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานแย่ลง ส่งผลกระทบกับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน นอกจากสมองแล้วจิตใจเองก็เป็นเรื่องสำคัญ โรคทางสุขภาพจิตหลายโรค มีข้อมูลจากงานวิจัยชัดเจนเลยว่าสัมพันธ์กับการที่ผู้ป่วยอดนอน หรือใช้ชีวิตที่ฝืนกับโปรแกรมตามธรรมชาติของตนเองอยู่บ่อยๆ เช่น โรคซึมเศร้า ไบโพล่าร์ วิตกกังวล เป็นต้น
จะเห็นได้ว่ามันดูเป็นการย้อนแย้งกันพอสมควรกับการที่เรามุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตและหน้าที่การงานของเราประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น ด้วยการเสียสละแลกมากับการพักผ่อนน้อย และใช้ชีวิตฝืนโปรแกรมที่ธรรมชาติกำหนดมา แต่สุดท้ายที่เราทำอย่างนั้นไปนานๆ มันกลับส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพร่างกายของเรา สมอง และสุขภาพจิต ทำให้แทนที่เราจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น เรากลับจะแย่ลง ทำงานได้แย่ลง สมองทึบ เครียด ไม่มีความสุข สุขภาพไม่ดีก็ต้องขาดงาน ลางานบ่อย กลายเป็นว่าความสำเร็จที่เราคาดหวังไว้แต่แรกก็จะห่างไกลจากเราไปทุกที แต่ที่เข้าใกล้เราเข้ามาอย่างรวดเร็วคือ ความป่วย ความแก่ และความตาย ที่จะมาถึงเราเร็วขึ้น
แล้วมันคุ้มหรือเปล่า ลองคิดดู
สำหรับวันนี้คงพอจะทราบถึงความสำคัญของ Circadian Rhythm กันแล้ว ตอนต่อไปเรามาทำความเข้าใจกันว่าอะไรบ้างที่เป็นตัวกำหนด Circadian Rhythm ซึ่งบางปัจจัย หากเรารู้ และปรับเปลี่ยนได้ ก็จะรักษาการทำงานของนาฬิกาที่มองไม่เห็นในตัวเรา ให้ทำงานได้ดีขึ้นได้